ประเทศไทยกับความเชื่อศุกร์ 13 จริง ๆ แล้วที่แอดมินหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเขียนก็เพราะความอินในวันนี้ด้วยที่ตรงกับวันที่ 13 และพีคกว่านั้นคือวันนี้คือศุกร์ 13

แอดมินคิดว่าเพื่อน ๆ น่าจะเคยได้ยินความเชื่อเรื่องศุกร์13 มาบ้างซึ่งความเชื่อของศุกร์

13 ก็มีที่มาที่ไปแบบแตกต่างกันด้วยยกตัวอย่างง่าย ๆ สำหรับต่างประเทศเป็นอะไรที่อินกับเรื่องศุกร์ 13 เอามาก ๆ เพราะเค้ามีตำนานที่เล่าขานกันต่อ ๆ มาว่า

**สาเหตุสำคัญก็มาจากการที่พระเยซูทรงถูกตรึงกางเขนในวันศุกร์ แม้จะไม่ใช่วันที่ 13 ก็ตาม…แต่วันที่พระเยซูเสวยอาหารมื้อสุดท้าย

หรือ The Last Supper นั้น มีผู้ร่วมโต๊ะทั้งสิ้น 13 คนดังนั้น พอวันศุกร์ไปตรงกับวันที่ 13 เข้าทีไรก็จะมีชาวตะวันตกจำนวนหนึ่งเกิดความรู้สึกวิตกกังวล

เกรงว่าจะมีอะไรร้ายๆเกิดขึ้นอยู่เสมอๆนอกจากนี้ ก็ยังมีเรื่องราวที่เป็นตำนานของชาว “นอร์ส” ในดินแดนสแกนดิเนเวีย เกี่ยวกับเทพ 12 องค์ มาร่วมกันจัดงานเลี้ยงในห้องโถงของเอกีร์ เทพแห่งมหาสมุทรฉับพลันนั้นก็มีเทพแห่งไฟชื่อ โลกิ ซึ่งเป็นแขกมิได้รับเชิญ ทรงโผล่ออกมาเป็นองค์ที่ 13 และรับสั่งให้ “เทพฮอด”

หรือเทพแห่งความมืดมิดโยนกิ่งของพืชกาฝากบางชนิดเข้าใส่เทพ “บาลเดอร์” หรือเทพแห่งความสุขและความยินดีส่งผลให้เทพบาลเดอร์สิ้นพระทัยและโลกก็ตกอยู่ในความมืดมิดและเศร้าสลดก็เป็นอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้ฝรั่งกลัวเลข 13

แต่สำหรับคนไทยอย่างเราแล้วอาจจะมองไปคนละเรื่องโดยเฉพาะคนไทยเราไม่ได้ถือว่าเลข 13 เป็นเลขอัปมงคลแต่อย่างใด

สมัยโบราณถือว่าเลข 13 เป็นเลขมหาอุด ซึ่งเป็นเลขมงคล อุดทุกสิ่งทุกอย่างไม่ให้มากระทบตัวเราที่สำคัญวันศุกร์สำหรับคนไทยบอกได้เลยว่าเป็นวันศุกร์ชิค ๆ ที่ต้องแต่งตัวเก๋ ๆ เตรียมปาร์ตี้ต่อไปยาว ๆ เลยค่ะ

แต่ก็อย่างที่แอดมินได้บอกไปนะคะขึ้นชื่อว่าความเชื่อแล้วหากเรามีใจยึดมั่นในพระพุทธศาสนาแล้ว วันไหนก็เป็นวันดีทั้งนั้น ถ้าเราคิดดีและทำดีและประพฤติปฎิบัติดี

สำหรับบทความหน้าแอดมินของพาทุกคนไปท่องโลกหลังความตายว่า อีกหนึ่งโลกที่ทุกคนไม่เคยสัมผัสว่าหลังที่เราตาลงไปอย่างนิจนิรันมีอะไรให้พบเจอบ้าง

ตามต่อได้ที่  http://www.suriyafuneral.com

และแอดมินก็ต้องขอขอบคุณข้อมูลข่าวรู้ที่นำมาปรับใช้ในบทความนี้จาก ไทยรัฐออนไลน์ด้วยนะคะ