ตายแล้วไปไหน สุริยาหีบศพ หีบศพ โลงศพ

ตายแล้วไปไหน

ตายแล้วไปไหน

 

ความตายเป็นสิ่งที่ทุกคนเหลี่ยงเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนเกิดมาล้วนถึงแก่กรรมจะช้าหรือเร็ว เท่านั้น ฉะนั้นจะต้องทำดีตั้งแต่วันนี้เพราะเราไม่รู้อนาคตเลย วันนี้เราจะมาเล่าถึงชีวิตหลังความตาย

 

ชีวิต…หลังความตาย

เมื่อยามที่ยังมีชีวิตอยู่ เรามักไม่ได้คิดถึงเรื่องความตายอย่างลึกซึ้งว่าคนเราตายแล้วไปไหน ตายแล้วจะได้เกิดอีกหรือไม่ และนรกสวรรค์มีอยู่จริงหรือ คนส่วนใหญ่คิดและเชื่อเพียงว่า เมื่อตายแล้ววิญญาณของเราจะยังคงวนเวียนอยู่ แต่มีน้อยคนที่จะคิดต่อว่า ในเมื่อวิญญาณของเรายังคงอยู่ หลังความตายเราจะไปที่ใดต่อและต้องพบเจอกับสิ่งใดบ้าง นี่ยังคงเป็นปริศนาหลังความตายที่น่าสนใจและยังไม่มีใครให้คำตอบที่แน่ชัดได้

 

ในทางพระพุทธศาสนา องค์พระสัมมาสัมพุพธเจ้าได้ทรงกล่าวถึงความตายไว้ว่า ความตายที่แท้จริงนั้นไม่มี การที่ร่างกายเสื่อมสลายหายไป เป็นเพียงการแตกสลายแยกกันไปของธาตุที่เคยรวมกันอยู่ เหลือเพียงดวงจิตของเราซึ่งจะท่องไปตามเหตุ ตามกรรม ในต่างวาระ นั่นก็คือการเวียนว่ายตายเกิด หรือที่เรียกว่า “สังสารวัฏ” โดยเชื่อว่าคนเราทุกคนล้วนเคยเกิดมาแล้วทั้งสิ้นนับครั้งไม่ถ้วน

 

ในภพภูมิที่ดีบ้างและไม่ดีบ้างตามกฏแห่งกรรมหรือผลของการกระทำที่ได้ทำไว้ทั้งดีและชั่ว หากยังประกอบกรรมชั่วไว้มาก จิตยังมีกิเลสอยู่มาก ก็จะต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนั้นในภพภูมิที่ต่ำซึ่งมีแต่ความทุกข์ทรมาน หากประกอบกรรมดีมากขึ้น รู้จักขัดเกลาจิตให้ละกิเลสได้มากขึ้น ก็จะทำให้ไปเกิดในภพภูมิที่สูงขึ้นซึ่งมีความประเสริฐสุขมากขึ้น และหากประกอบแต่กรรมดี สามารถอบรมจิตให้บริสุทธิ์สะอาดปราศจากซึ่งกิเลสทั้งมวล ก็จะได้ “นิพพาน” นั่นคือการหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งถือเป็นความสุขอันแท้จริงยิ่งใหญ่และเป็นจุดหมายสูงสุดในทางพระพุทธศาสนา

 

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-950-0989